เป็นภาพยนตร์เมโลดรามาโรมานซ์ที่ถ่ายทอดเรื่องราวที่มีคุณค่าทางใจ และจะพาไปละเลียดความสวยงามของอารมณ์บนฉากหลังของฤดูแห่งหิมะขาวโพลนของเมืองโอตารุ บนเกาะฮอกไกโดของญี่ปุ่นที่สวยงาม ซีรี่ย์ชายรักชาย
เรื่องราวเริ่มต้นจากจดหมายหนึ่งฉบับ ที่เดินทางจากญี่ปุ่นมาถึงเกาหลี ตัวผู้เขียนเองที่ยังทำใจส่งไม่ได้ แม้จะเขียนซ้ำมาแล้วหลายๆครั้ง แต่ป้าของเธอได้จัดการส่งให้โดยเธอไม่รู้ ส่วนผู้รับที่ยังไม่ทันได้เห็นจดหมาย ก็ถูกแอบเปิดอ่านโดยลูกสาวของเธอเองเสียก่อน
หนังจะค่อยๆเฉลยเล่าที่มาของปมชีวิตของยุนฮีที่ผูกพันกับเพื่อนของเธอ คาตาเสะ จุน (รับบทโดย นากามูระ ยูโกะ) เป็นลีลาการเล่าที่น่าสนใจน่าติดตาม ซึ่งจริงๆแล้วก็แอบทยอยแพลมๆมาตั้งแต่ต้นเรื่องให้คิดปะติดปะต่อและพอคาดเดาได้เลาๆ จากบทที่เลียบๆเคียงๆ อีกทั้งถ้าใครอ่านเรื่องย่อหรือบทรีวิวอื่นๆมาบ้าง ก็อาจได้รู้แล้วว่า ยุนฮีและจุนเป็นรักแรกและรักเดียวของกันและกันเมื่อยี่สิบปีก่อนเมื่อครั้งที่พวกเธอได้เจอกันในเกาหลี
แน่นอนว่าในยุคสมัยนั้น การยอมรับในเรื่องความสัมพันธ์ของ LGBTQ นั้น เป็นไปได้ยาก ความผูกพันของพวกเธอจึงได้แต่ถูกเก็บงำอัดอั้นไว้ในใจ ไม่สามารถเปิดเผยออกมา และชีวิตก็ยังมาตัดขาดจากไปอยู่คนละประเทศ ต่างคนต่างทำได้แค่ฝันถึงกัน จุนซึ่งเขียนจดหมายหายุนฮีทุกครั้งที่ฝันถึง แต่ก็ไม่สามารถทำใจส่งจดหมายออกไปได้ เพราะคิดว่ายุนฮีคงมีครอบครัวตามครรลองของสังคมไปแล้ว
นอกเหนือจากนี้ หนังก็ยังสะท้อนให้เห็นอีกหลายๆปัญหาที่สองตัวละครต้องเผชิญในสังคม เช่นความเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่นเกาหลีของจุนซึ่งหาที่ยืนลำบาก พ่อแม่หย่าร้าง สังคมความเหลื่อมล้ำทางเพศที่ทำให้ยุนฮีต้องเสียสละโอกาสการเรียนให้พี่ชาย และการที่เธอถูกเหมาเอาว่าเป็นโรคจิตทันทีที่เธอสารภาพกับแม่ว่ารักจุน และแก้ปัญหาด้วยการจับเธอแต่งงานมีครอบครัว ให้ใช้ชีวิตเยี่ยงคนปกติ แต่กลายเป็นหย่าร้างที่ตามมา มุมเหล่านี้ล้วนสร้างความปวดใจสงสารให้กับผู้ชม และต้องติดตามดูว่า ด้วยความมุ่งมั่นช่วยเหลือของแซบอมและป้าของจุน จะทำให้ยุนฮีและจุนปลดปล่อยพันธนาการทางใจนี้ออกอย่างไร
แต่ในอีกมุม ความผูกพันของทั้งคู่ก็สามารถสร้างความซาบซึ้งอบอุ่นหัวใจให้ผู้ชมได้ เช่น การฝันถึงกัน การเขียนจดหมายแต่ตัดใจส่งไม่ได้ เป็นสิ่งที่มาเฉลยเอาภายหลังว่าทั้งคู่ก็ทำเช่นเดียวกัน สมกับที่ยุนฮีเคยบอกอย่างมั่นใจว่าเธอมีอะไรคล้ายกับจุนตั้งแต่ตอนเจอกันใหม่ๆ เป็นความหมายซ้อนทั้งในเรื่องความรักและความคิด
No comments:
Post a Comment